นักศึกษาวิชาทหาร


นักศึกษาวิชาทหาร (Reserve Officer Training Cops Student)(นศท.) หลังสูตรของผู้บังคับหมวด
       ผู้ที่กำลังศึกษาตามหลักสูตร  ในพระราชบัญญัติส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร พ.ศ. 2521 นิยม เรียกว่า รด. ย่อจาก "รักษาดินแดน" หรือ กรมการรักษาดินแดนในสมัยก่อน เป็นกำลังสำรองของ กองทัพไทย ที่ฝึกหัดจากเยาวชนที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป หรือว่า ต้องเรียนอยู่ระหว่าง ม.4 ขึ้นไป ภายใต้การควบคุมของหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน


การคัดเลือก

ช่วง เดือนพฤษภาคมของทุกปี จะมีการคัดเลือกนักเรียนนักศึกษาในสถาบันการศึกษาต่าง ๆ เพื่อเข้าเป็นนักศึกษาวิชาทหาร โดยผู้เข้ารับการคัดเลือกจะต้องมีคุณลักษณะดังนี้
  1. เป็นชายหรือหญิงมีสัญชาติไทย
  2. อายุตั้งแต่ 15 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 22 ปี นับตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร และต้องได้รับ คำยินยอมจาก บิดา มารดา หรือผู้ปกครอง
  3. ไม่พิการ ทุพพลภาพ หรือมีโรค ซึ่งไม่สามารถจะรับราชการทหารได้ ตามกฎหมาย ว่าด้วยการรับราชการทหาร พ.ศ. 2497
  4. ไม่เป็นบุคคล ซึ่งไม่มีคุณวุฒิที่จะเป็นทหารได้เฉพาะบางท้องที่ ตามกฎหมาย ที่ออกตามความในมาตรา 13 (3) แห่งพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497
  5. มีดัชนีความหนาของร่างกาย (BMI) อยู่ในเกณฑ์ปกติ และต้องไม่อยู่ในภาวะ โรคอ้วน ซึ่งมีดัชนีความหนาของร่างกาย ตั้งแต่ 30 กิโลกรัมต่อตารางเมตรขึ้นไป (BMI = น้ำหนักตัว (กก.) / ส่วนสูง² (ม.²) )
  6. มีน้ำหนัก ขนาดรอบตัว ขนาดส่วนสูง ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้
นอกจากนี้ผู้สมัครจะต้องมีคุณสมบัติดังนี้
  1. กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาที่หน่วยบัญชาการรักษาดินแดนเปิดทำการฝึกวิชาทหาร
  2. สำเร็จการศึกษาตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หรือเทียบเท่าขึ้นไป และมีผลการศึกษาของชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หรือเทียบเท่า ตั้งแต่ 1.0 ขึ้นไป
  3. ผู้สมัครต้องผ่านการทดสอบร่างกาย ตามเกณฑ์ที่กำหนดในแต่ละปี ซึ่งเกณฑ์การทดสอบคัดเลือกนักศึกษาในปี พ.ศ. 2553 คือ วิ่ง 800 เมตร ใน 3 นาที 15 วินาที, ลุกนั่ง (ซิดอัป) 34 ครั้ง ใน 2 นาที , ดันพื้น (วิดพื้น) 22 ครั้ง ใน 2 นาที

หลักสูตรและการเรียนการสอน

หลักสูตรนักศึกษาวิชาทหารแบ่งการเรียนเป็น 5 ชั้นปี มีวัตถุประสงค์ดังนี้
  1. นศท. ชั้นปีที่ 1 และ 2 ให้มีความรู้วิชาทหารเบื้องต้นในระดับลูกแถว เพื่อให้บังเกิดความมีระเบียบวินัยเสริมสร้างบุคลิกลักษณะทหาร สามารถใช้อาวุธประจำกายและทำการยิงอย่างได้ผล
  2. นศท. ชั้นปีที่ 3 ให้มีความรู้วิชาทหารในระดับผู้บังคับหมู่เพื่อให้มีความพร้อม ในการควบคุมบังคับบัญชาหน่วยในการปฏิบัติการรบในแบบ และการรบนอกแบบ
  3. นศท. ชั้นปีที่ 4 ให้มีความรู้วิชาทหารในระดับรองผู้บังคับหมวดเพื่อให้มีความพร้อม ในการควบคุมบังคับบัญชาหน่วยในการปฏิบัติการรบในแบบ และการรบนอกแบบ ตั้งแต่ระดับชั้นปี 4 ขึ้นไป จะมีการแบ่งนักศึกษาออกเป็นเหล่า 5 เหล่า คือ เหล่าทหารราบ, เหล่าทหารม้า, เหล่าทหารปืนใหญ่ เหล่าทหารสื่อสาร, เหล่าทหารช่าง
  4. นศท. ชั้นปีที่ 5 ให้มีความรู้วิชาทหารในระดับผู้บังคับหมวดเพื่อให้มีความพร้อม ในการควบคุมบังคับบัญชาหน่วยในการปฏิบัติการรบในแบบ และการรบนอกแบบ การจัดแบ่งนั้น เหมือนกับชั้นปีที่ 4
การเรียนวิชาทหารดังกล่าว ถ้าหยุดเรียนต่อเนื่อง 2 ปี ไม่สามารถสมัครเรียนในชั้นปีต่อไปได้ โดยจะได้สิทธิตามที่กำหนดไว้ในระดับชั้นปีที่สำเร็จการศึกษานั้น ๆ โดยการเรียนการสอนนักศึกษาวิชาทหารแบ่งออกเป็นภาคที่ตั้งและภาคสนาม ในส่วนภาคที่ตั้งทำการเรียน 20 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ครั้งละ 4 ชั่วโมง ที่หน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหารในส่วนกลาง (นรด.) และส่วนภูมิภาค (มทบ. และ จทบ.) สำหรับส่วนภูมิภาคจะทำการฝึกในช่วงปิดภาคเรียนที่ 1 ส่วนการฝึกภาคสนามจะทำการฝึกเฉพาะนักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 2 ขึ้นไป โดย
  1. นัก ศึกษาวิชาทหารชายชั้นปีที่ 2 ทำการฝึกภาคสนาม ณ ค่ายฝึกตามที่ศูนย์ฝึกนักศึกษาวิชาทหารประจำ จทบ. มทบ. กำหนด ขั้นต่ำ 3 วัน 2 คืน (แล้วแต่งบประมาณที่มีในแต่ละปี)
  2. นักศึกษาวิชาทหารชายชั้นปีที่ 3 ทำการฝึกภาคสนาม ณ ค่ายฝึกตามที่ศูนย์ฝึกนักศึกษาวิชาทหารประจำ จทบ. มทบ. กำหนด ขั้นต่ำ 5 วัน 4 คืน
  3. นักศึกษาวิชาทหารชายชั้นปีที่ 4,5 ทำการฝึกภาคสนาม ณ ค่ายฝึกเขาชนไก่ จ.กาญจนบุรี ขั้นต่ำ 7 วัน 6 คืน
  4. นักศึกษาวิชาทหารหญิงชั้นปีที่ 2,3 ทำการฝึกภาคสนาม ณ ค่ายฝึกตามที่ศูนย์ฝึกนักศึกษาวิชาทหารประจำ จทบ. มทบ. กำหนด ขั้นต่ำ 3 วัน 2 คืน
  5. นักศึกษาวิชาทหารหญิงชั้นปีที่ 4,5 ทำการฝึกภาคสนาม ณ ค่ายฝึกเขาชนไก่ ขั้นต่ำ 5 วัน 4 คืน
นอกจากกองทัพบกได้เปิดทำการฝึกนักศึกษาวิชาทหารแล้ว ในส่วนของกองทัพเรือและกองทัพอากาศ ก็ได้เปิดการฝึก นักศึกษาวิชาทหารด้วย โดยมีรายละเอียดดังนี้

นักศึกษาวิชาทหาร ในส่วนของกองทัพเรือไทย

นัก ศึกษาวิชาทหารในส่วนของกองทัพเรือนั้น เป็นนักศึกษาวิชาทหารที่กองทัพเรือร้องขอให้หน่วยบัญชาการรักษาดินแดนช่วย จัดหาให้ โดยแต่ละปีจะรับนึกศึกษาเพียงประมาณ 90 นาย โดยนักศึกษาเหล่านั้น จะต้องมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ของกองทัพเรือเท่านั้น และจะเปิดรับตั้งแต่ชั้นปีที่ 4 จนถึงปีการศึกษา 2554 หลังจากนั้นจะเป็นการรับ นศท. ชั้นปีที่ 3 (ซึ่งสำเร็จการฝึกในปีการศึกษา 2554) ที่มาจากฝึกในส่วนของกองทัพเรือเข้าศึกษาต่อในชั้นปีที่ 4 แต่เพียงอย่างเดียว
นักศึกษาในส่วนของกองทัพเรือสามารถแบ่งออกได้ 2 พรรค 3 เหล่า คือ
  1. พรรคนาวิน สังกัด กองเรือยุทธการ (กร.) เปิดรับทุก ๆ ปี ปีละประมาณ 45 นาย
  2. พรรคนาวิกโยธิน สังกัด หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (นย.) เปิดรับปีเว้นปี ปีละประมาณ 45 นาย
  3. พรรคนาวิน สังกัด หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) เปิดรับปีเว้นปี (สลับกับ นย.) ปีละประมาณ 45 นาย
การฝึกภาคสนาม
  1. นักศึกษาชั้นปีที่ 4 จะเข้ารับการฝึกเป็นเวลา 7 วัน ที่กองการฝึก กองเรือยุทธการ (กฝร.)
  2. นักศึกษาชั้นปีที่ 5 จะแยกฝึกตามสังกัดของตน (กร., นย. หรือ สอ.รฝ.) โดยใช้เวลาฝึก 17 วัน
  3. หลักสูตรนายทหารใหม่ของกองทัพเรือ นักศึกษาเข้าเรียนเพื่อปรับความพร้อมขั้นสุดท้าย เรียกว่า "หลักสูตรก่อนการแต่งตั้งยศเป็น ว่าที่เรือตรี" ณ ศูนย์การฝึก หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (ศฝ.นย.)เป็นเวลา 15 วัน 

นักศึกษาวิชาทหาร ในส่วนของกองทัพอากาศไทย

นัก ศึกษาวิชาทหารในส่วนของกองทัพอากาศนั้น เป็นนักศึกษาวิชาทหารที่กองทัพอากาศต้องการเฉพาะกำลังพลสำรองในส่วนช่าง เทคนิค เพื่อชดเชยกำลังหลักในส่วนของช่างเทคนิคที่ขาดแคลน โดยจะคัดเลือกเฉพาะนักศึกษาวิชาทหารที่สถานศึกษามีที่ตั้งใกล้เคียงกับกอง บัญชาการกองทัพอากาศกรุงเทพมหานคร และเปิดสอนในด้านช่างเทคนิค ซึ่งได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง วิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี โรงเรียนเซนต์จอห์นโปลิเทคนิค ซึ่งกองทัพอากาศได้เปิดการฝึกนักศึกษาวิชาทหารในปีการศึกษา 2549 โดยเริ่มจากชั้นปีที่ 1 เป็นปีแรก และเปิดเพิ่มชั้นละปีไปจนครบชั้นปีที่ 5 ในปีการศึกษา 2553 ซึ่งถือว่าเป็น นศท. ในส่วนของกองทัพอากาศที่สำเร็จการฝึกปีที่ 5 เป็นปีแรกและเป็นรุ่นที่ 1 ที่ฝึกโดยกองทัพอากาศ